กล่องไฟเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในงานจัดงานเสดงสินค้า หรือธุรกิจค้าปลีก เพราะไม่เพียงแต่ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าที่เดินผ่านไปมาแล้ว ยังสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอีกด้วย นอกเหนือจากความทันสมัยแล้ว กล่องไฟก็ยังสร้างความแตกต่างให้กับพื้นที่ ทำให้บูธ หรือร้านค้าของเราโดดเด่นกว่าใคร
ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว เรามาเลือกแต่งบูธ หรือร้านค้าของเราด้วยกล่องไฟกันดีกว่าค่ะ วันนี้ Fabric Systems ขอนำเสนอ 5 Tips ดีๆ ก่อนการเลือกซื้อกล่องไฟมาฝากกันค่ะ
1. กล่องไฟตั้งอยู่ตรงไหนดีนะ?
ปกติแล้วเราจะเห็นตำแหน่งติดตั้งกล่องไฟส่วนมาก คือ การติดที่ผนัง หรือแบคดรอปตั้งพื้น เพราะประหยัดพื้นที่ และสามารถติดตั้งได้ถาวร แต่การติดตั้งกล่องไฟก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่เพียงที่ผนังเท่านั้น คุณยังสามารถติดตั้งกล่องไฟได้โดยการห้อยแขวนอย่างอิสระ ฝังไว้ที่เพดาน หรือวางตั้งพื้น โดยตำแหน่งที่จะวางนั้น ต้องเป็นตำแหน่งที่โดดเด่น ดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมา และอย่าลืมว่าจะต้องตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบร้าน หรือรูปแบบงานแสดงในครั้งต่อไปด้วย
2. อยากได้กล่องไฟแบบไหนนะ?
กล่องไฟมีหลายหลายรูปแบบ สิ่งที่คุณต้องตัดสินใจก่อนเลือกซื้อคือ
1. ขอบเฟรม ต้องการให้มีขอบเฟรม หรือ แบบไร้ขอบ
2. แสงที่ต้องการ ต้องการโทนอบอุ่น หรือ ต้องการแสงเจิดจ้า แสงแบบไหนที่เหมาะกับบูธหรือร้านค้าของเรา อาทิเช่น แสงที่ดูอบอุ่น ที่มักจะใช้กันในร้านเสื้อผ้า เพื่อให้ความรู้สึกหรูหรา หรือในร้านอุปกรณ์มือถือก็จะใช้แสงไฟที่ค่อนข้างแรงเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งวัสดุสำหรับพิมพ์ Graphic ก็จะแตกต่างกันออกไป
3. เปลี่ยน Graphic บ่อยแค่ไหน เพราะถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆ การใช้กล่องไฟผ้า ก็จะทำให้การเปลี่ยนเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
4.ต้องการกล่องไฟแบบหนึ่งด้าน หรือ สองด้าน หากจุดติดตั้งกล่องไฟลูกค้าสามารถเดินผ่านได้รอบด้าน เราก็สามารถทำกล่องไฟผ้าทั้งสองด้านเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่โฆษณาสินค้าด้านหลังกล่องไฟ เหมาะกับงานออกบูธ แสดงสินค้า
3 .ควรใช้ไฟชนิดไหน สำหรับกล่องไฟของเรากันนะ?
สำหรับกล่องไฟ สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอีกเรื่องคือ การใช้จำนวนไฟด้านในกล่องไฟ กล่องไฟมีการใช้ไฟ 2 แบบ แบบแรก คือ การวางหลอดไฟไว้ตามขอบเฟรม และแบบที่สอง คือการวางหลอดไฟไว้เต็มพื้นที่ว่างด้านหลัง Graphic ซึ่งแสงที่ได้จะแตกต่างกัน รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ หลอดไฟ หากเป็นหลอดไฟ LED ข้อดีคือจะประหยัดพลังงานมากกว่า และ ไม่ร้อนเมื่อเทียบกับแบบฟลูออเรสเซนท์ แต่ค่าใช้จ่ายก็อาจสูงกว่า ส่วนหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนท์ ข้อดีคือ ราคาถูก ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่จำเป็นต้องเตรียมเฟรม หรือพื้นที่ติดตั้งให้มีความลึกมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเว้นพื้นที่ให้แสงกระจายได้เพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดเงาของแสง
4. ข้อจำกัดของสถานที่ และ รูปแบบการซ่อมบำรุง ก็สำคัญนะ
สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกเรื่องคือ ขนาดของกล่องไฟ และสถานที่ที่ติดตั้ง เช่นถ้าต้องการกล่องไฟแบบแขวน น้ำหนักก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนการสั่งซื้อ ต้องตรวจเช็คโครงสร้างว่าสามารถรับน้ำหนักได้ขนาดไหน หรือถ้าสถานที่ที่ติดตั้งเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างจำกัด มีประตูที่ค่อนข้างเล็ก การสั่งเฟรมกล่องไฟแบบใหญ่ ต้องคำนึงถึงว่าเฟรมสามารถถอดประกอบหน้างานได้หรือไม่ รวมไปถึงการเปลี่ยนรูปแบบ Graphic เป็นแบบ ใช้รูปเดียวตลอดไป หรือเปลี่ยนทุกๆ ช่วงเวลา ถ้าการเปลี่ยนรูปแบบ Graphic เป็นแบบทุกๆ ช่วงเวลา จำเป็นต้องพิจารณากล่องไฟที่สามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ ได้ด้วยตัวเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
5. กล่องไฟได้มาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่
การเลือกซื้อกล่องไฟควรเลือกซื้อ หรือใช้หลอดไฟที่ได้คุณภาพ เพราะการเลือกใช้ไฟที่มีราคาถูก อาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในครั้งแรก แต่ต้องเสียค่าดูแลรักษาที่ค่อนข้างแพง และอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้งานได้ รวมไปถึงการใช้กล่องไฟผ้า ต้องแน่ใจว่า วัสดุผ้าดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติป้องกันการลามไฟ หรือ FR (Flame Retardant) ด้วย
อ้างอิงบทความจาก https://markbricdisplay.wordpress.com/2016/09/27/5-things-to-consider-when-purchasing-a-light-box/